วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เมืองหลวงที่เราประทับใจ


แคนเบอร์รา เมืองหลวงประเทศออสเตรีย

เมืองแคนเบอร์ราเป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นเมืองที่ดิฉันประทับใจและอยากจะไปเที่ยวชมศิลปะที่เมืองแคนเบอร์รา เพราะที่นี้มีศิลปะวัฒนธรรมตะวันตกหลงเหลืออยู่มากพอสมควร 

 ดื่มด่ำกับงานศิลปะอะบอริจินหลากชนิดที่หอศิลป์แห่งชาติ National Gallery of Australia  ที่นี่มีห้องจัดแสดงผลงานถึง 13 ห้องซึ่งปัจจุบันวางโชว์ชิ้นงานศิลปะมากกว่า 7,500 ชิ้น ทั้งภาพวาดที่เกิดจากการจุด และจิตรกรรมบนเปลือกไม้ ไปจนถึงภาพสีน้ำ สิ่งทอ ภาพพิมพ์ เซรามิกและงานประติมากรรม  เข้าชมห้องต่างๆ เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิทัศน์ ตัวละครในตำนานกาก่อกำเนิดชีวิตและสรรพสิ่งหรือ Dreamtime Legend และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับขนบธรรมเนียมศิลปะแต่ละประเภท   งานศิลปะที่สำคัญเหล่านี้ถ่ายทอดให้เห็นถึงการดำรงชีวิตและพัฒนาการของวัฒนธรรมตามวิถีชีวิตอันเก่าแก่ที่สุดของโลก 
 
เพิ่มคำอธิบายภาพ

 งานศิลปะอะบอริจินมีความหลายหลากอย่างไม่น่าเชื่อแต่ยังคงความเป็นเอกภาพด้วยเรื่องราวและแนวคิดที่อ้างถึงผืนแผ่นดินและความเชื่อด้านจิตวิญญาณมาตลอด    ขณะเดินเที่ยวชมผลงานสะสมมากมายในหอศิลป์แห่งขาติ National Gallery of Australia คุณจะได้ซาบซึ้งกับงานศิลปะหลากหลายสไตล์ สื่อที่ใช้ และแรงบันดาลใจที่มีร่วมกัน
 ห้องจัดแสดงแต่ละห้องจะแสดงงานศิลปะของชาวอะบอริจินตามช่วงเวลาหนึ่งหรือเขตภูมิภาคหนึ่ง อาทิ ห้องนิทรรศการที่แสดงงานฝีมืออะบอริจินของยุคศตวรรษ 1800   ชมหอก ขลุ่ยดิดเจอริดู เครื่องจักรสาน เครื่องประกอบพิธี และวัตถุบูชา ที่เหลือรอดจากการผุพังตามกาลเวลา ด้วยทักษะและจินตนาการของผู้ประดิษฐ์   อีกห้องหนึ่งจัดแสดงภาพจิตรกรรมบนเปลือกไม้ และงานประติมากรรมในเขต Arnhem Land ตะวันตก ชมภาพเขียนบนผนังที่ดูเหมือนฟิล์มเอ็กซเรย์ซึ่งแปลกตาได้อย่างใกล้ชิดที่อุทยานแห่งชาติ Kakadu National Park และชมภาพบรรพบุรุษในตำนานการก่อกำเนิดชีวิตและสรรพสิ่งในภาพ ที่เขียนด้วยการแรเส้นเงาขวาง 
 เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพเขียนยุค Early Western Desert หรือ Papunya School จากชุมชน Papunya อันห่างไกลของเซ็นทรัลออสเตรเลียในระหว่างช่วงปี 1971 ถึง 1974   ด้วยการแนะแนวของ Geoffrey Bardon ครูสอนศิลปะ เด็กๆ ที่นี่และรวมถึงผู้สูงอายุในเวลาต่อมา ได้เริ่มวาดภาพตำนานการก่อกำเนิดชีวิตและสรรพสิ่งลงบนผืนผ้าใบ   ภาพวาดที่เกิดจากการจุดของพวกเขาเป็นจุดเริ่มต้นของสไตล์การเขียนภาพที่ต่อมาได้แพร่กระจายไปทั่วดินแดน Central Desert และผันเข้าสู่ตลาดงานศิลป์ของออสเตรเลีย ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก 
 ไปดูว่าศิลปะของชาว Papunya วิวัฒนการอย่างไรในแกลเลอรี่ ซึ่งแสดงภาพเขียนเกี่ยวกับทะเลทราย นับจากปี 1975 เป็นต้นมา   ผลงานเหล่านี้เป็นการวาดจากประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยมักเป็นสไตล์ที่ใช้สีสันและรูปแบบเชิงนามธรรม เล่าถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หรือเหตุการณ์ร่วมสมัยและตัวละครในตำนานการก่อกำเนิดชีวิตและสรรพสิ่ง
ชมภาพจิตรกรรมสีน้ำที่ได้รับการยกย่องของ Albert Namatjira หนึ่งในศิลปินชาวอะบอริจินรุ่นแรกที่นำเทคนิคของทางตะวันตกมาใช้   นอกจากนี้ ภาพอื่นที่แขวนแสดงไว้ยังมีผลงานของศิลปินชาวอะบอริจินจากเขตพันธกิจ Hermannsburg Mission ที่เรียนรู้วิธีการวาดภาพด้วยสีน้ำจาก Namatjira  ภาพเขียนทั้งหมดนี้ล้วนแสดงถึงแบบแผนงานศิลปะในสไตล์ Hermannsburg School 
เรียนรู้เกี่ยวกับภาพมนุษย์ Wandjina ซึ่งเป็นร่างคนที่วาดเป็นแท่งไว้บนผนังหินในเขตภูมิภาค Kimberley ของรัฐเวสเทิร์นตะวันตก และชมผ้าพิมพ์ซิลค์สกรีนซึ่งเป็นงานฝีมือของสตรีเผ่า Anmatyerr และ Alyawarr แห่งเซ็นทรัลออสเตรเลีย   ห้องแสดงภาพห้องหนึ่งอุทิศให้กับงานศิลปะอันมีชีวิตชีวาของหมู่เกาะ Torres Strait  ได้แก่ หน้ากากที่ทำขึ้นอย่างประณีต และธรรมเนียมการทำภาพพิมพ์ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้   ในอีกห้องหนึ่ง คุณสามารถตามรอยเส้นทางงานศิลปะอะบอริจินทั่วทั้งควีนส์แลนด์เหนือและเขต Top End โดยมีทั้งภาพเขียน ประติมากรรมและเครื่องปั้นดินเผา 
 ศิลปินชาวอะบอริจินร่วมสมัย นับตั้งแต่นักถ่ายภาพไปจนถึงศิลปินวาดภาพบนกำแพง ยังนำผลงานอันลือลั่นของตนมาแสดงไว้ในนิทรรศการนี้   ผลงานของพวกเขาเกี่ยวเนื่องกับเรื่องทางการเมืองและมักกระตุ้นเตือนให้คำนึงถึงการแก้ปัญหาในปัจจุบัน   หนึ่งในห้องจัดแสดงผลงานที่ชวนให้รำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สุดคือห้อง Aboriginal Memorial  ห้องนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1988 บ่งบอกช่วงเวลาแห่งการถูกปกครองโดยชาวยุโรปตลอด  2 ศตวรรษ ด้วยโลงศพที่ทำจากท่อนไม้ขุดจำนวน 200 โลง 

แหล่งอ้างอิง : http://travel.thaiza.com

ศิลปะตะวันตกยุคหลังลัทธิอิมเพรสชันนิสม์ถึงสงครามโลกครั้งที่ ๑


ศิลปะตะวันตกยุคหลังลัทธิอิมเพรสชันนิสม์ถึงสงครามโลกครั้งที่ ๑

ศิลปะลัทธิโฟวิสม์
เป็นศิลปะที่เน้นสีสันโฉ่งฉ่างและแสดงถึงความเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน                                                                                             มาทีสส์ ศิลปินที่สร้างผลงานศิลปะลัทธิโฟวิสม์ เขาเป็นลูกของพ่อค้าที่มีฐานะดี พ่อของเค้าต้องการให้เป็นทนายความ แต่มาทีสส์เป็นทนายความได้ไม่นาน เมื่อเขาได้เรียนศิลปะตอนที่ป่วยอยู่หลังจากนั้นเขาก็เข้าสู้วงการศิลปะอย่างจริงจัง ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขาคือ ภาพเปลือยกับลวดลายเบื่องหลัง ห้องสีแดง     

ภาพมาดามมาทิสส์
                                                                                             
ศิลปะลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์
เป็นศิลปะที่แสดงออกทางศิลปะรูปทรงและสีสันอย่างเสรีตามแรงปรารถนา ศิลปะลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์มีการแพร่หลายในช่วงปลาย C.19 และ ต้น C.20 ศิลปินที่สำคัญในช่วงนั้นได้แก่ มาทีสส์, จูโอลห์, มาร์ค                                                                    ความเคลื่อนไหวของศิลปะลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์ที่สำคัญ 2 กลุ่มคือ กลุ่มสะพาน กลุ่มนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความสับสน ความอัปลักษณ์ และความสกปรกของสังคม จะเน้นการใช้สีภาพที่รุนแรง และกลุ่มม้าสีน้ำเงิน มีแกนนำกลุ่ม คือ วาสิลี แคนดินสกีและฟรอนช์ มาร์ค เป็นการเข้าร่วมกันของศิลปินต่างชาติ ชาวรัสเซียน สวิส อเมริกา ชื่อลัทธิมาจากความนิยมในการเขียนรูปม้าและคนขี้ม้าโดยใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก และมีเอ็ดวาส์ด มูงค์ เป็นผู้นำและผู้ที่ให้อิทธิพลแก่ศิลปินกลุ่มเอ็กเพรชสชันนิสม์ เขาเป็นเด็กขี้โรค เลยมีผลงานเกี่ยวกับความเจ็บปวดและความตายปรากฏอยู่มากมาย ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขา คือ ภาพเสียงร้องไห้

ภาพ เสียงร้องไห้

ลัทธิคิวบิสม์
ได้แนวความคิดและอิทธิพลการถ่ายทอดสิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างเป็นรูปทรงแนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะลัทธิคิวบิสม์ คือ ตัดทอน ย่อส่วน เพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้ผู้ดูมีเสรีภาพในการใช้ปัญญาพิจารณาด้วยตนเอง เน้นความกลมกลืนของ เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ปาโบล ปิคัสโช เป็นหนึ่งในศิลปินลัทธิบิสม์ เขาเป็นผู้ที่ศึกษาศิลปะขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองบาร์เชโลนาและ ทำการเดินทางไปศึกษาศิลปะต่อที่ปารีส และไม่กลับมาอีกเลยเขาได้ตายที่ฝรั่งเศส ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขาคือ .ภาพเกอนีแค

เพิ่มคำอธิบายภาพ

ศิลปะลัทธินามธรรม
ให้ความสำคัญเรื่องรูปแบบศิลปะแบบศิลปะ อันเกินจากการผสานรวมตัวกันของ เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว ไม่คำนึงถึงเนื้อหาศิลปะ ศิลปะนามธรรมแบบเป็น 2 กลุ่ม คือ แบบโรแมนติก เน้นศิลปะที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเสรี อาจมีพื้นฐานอารมณ์มาจาก ความรัก ความเศร้า ความห้าวหาญ และแบบคลาสสิก จะสร้างงานที่ผ่านการไตร่ตรองการวางแผนเน้นศิลปะรูปทรงเลขาคณิตให้อิทธิพลแบบขอบคม

ภาพ The composition
ศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์
เป็นกลุ่มศิลปินอิตาลีที่มีความขัดแย้งกับแนวความคิดทางศิลปะขนบนิยมในประเทศของตนเอง ศิลปะฟิวเจอริสม์เป็นการสร้างผลงานแสดงชีวิตปัจจุบันที่ไม่หยุดนิ่ง ภาพเมืองเติบโตเป็นภาพม้าที่วิ่งเติบเมือง ผู้คนก็วุ่นวายสับสน ภาพนี้เป็นอีกหนึ่งภาพที่แสดงให้เห็นชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของศิลปะฟิวเจอริสม์

ภาพ Umberto Boccioni


แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิชาศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ภาพประทับใจของ Impression Sunrise

อิมเพรสชันนิซึม

มูลเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดศิลปะคตินิยมอิมเพรสชันนิซึม พอสรุปได้ดังนี้
  • เป็นไปตามกฎวิวัฒนาการของธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอยางย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามครรลองของชีวิต สภาพหนึ่งสู่สภาพหนึ่ง ไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ และความคิดร่วมสมัยย่อมเบื่อหน่ายกับสิ่งซ้ำซาก จำเจ มีกฎเกณฑ์ยุ่งยาก ไม่มีอิสระ ไม่มีการท้าทายสติปัญญา คตินิยมศิลปะแบบเก่า ๆ อาทิเช่น นีโอ-คลาสิค โรแมนติด และเรียลลิสม์ ซึ่งเกิดขึ้นและหมดความนิยมลง ล้วนเป็นบทพิสูจน์อันดีสำหรับกฎวิวัฒนาการ อนึ่ง สภาพของสังคม เศรษฐกิจ และ ปรัชญาของชีวิตได้แปรเปลี่ยน ไป คำว่าอิสรภาพ เสรีภาพ และภราดรภาพ เป็นหลักทั่วไปในการแสวงหาทางออกใหม่ ลัทธิปัจเจกชนได้รับการนับถือ ทางด้านเศรษฐกิจเป็นไปตามแนวเสรีนิยม ศิลปินต้องดำรงชีพอยู่ด้วยตนเองไม่มีข้อผูกพันหรือรับคำสั่งในการทำงานดังแต่ก่อน
  • ความก้าวหน้าทางวิชาการต่าง ๆ รุดไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์การค้นคว้าทฤษฎีแม่สีแสงอาทิตย์เพิ่มเติม และนักวิทยาศาสตร์ชื่อ เชฟเริล (Chevereul) ได้เขียนตำราเกี่ยวกับทฤษฎีสี เป็นมูลเหตุจูงใจให้ศิลปินเห็นทางใหม่ในการแสดงออก ประกอบกับได้มีการประดิษฐ์กล้องถ่ายรูป ทำให้เขียนภาพเหมือนจริงลดความนิยมลงไป เพราะสิ่งประดิษฐ์ใหม่นี้ให้ผลิตผลที่เหมือนจริงและรวดเร็วกว่า
  • การคมนาคมโดยทั่วไปได้รับการพัฒนาให้รวดเร็วขึ้น ความเคลื่อนไหวถ่ายเททางศิลปวัฒนธรรมของชาติต่างเป็นไปโดยสะดวก ทำให้ศิลปินมีทรรศนะกว้างขวาง มีความเข้าใจต่อโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 1867 มีการแสดงนิทรรศการศิลปกรรมของญี่ปุ่นขึ้นในปารีสซึ่งก่อให้เกิดแรงดลใจต่อศิลปินหนุ่มสาว หัวก้าวหน้าในยุคนั้นอย่างมากเป็นต้น
  • มีการพัฒนาสืบทอดความคิดของศิลปินรุ่นก่อนหน้านี้ ได้แก่พวกเรียลลิสต์ ซึ่งนิยมสร้างจากความเป็นจริงที่สามารถมองเห็นได้ และพวกจิตรกรหนุ่มกลุ่มธรรมชาตินิยม โดยเฉพาะพวกกลุ่มบาร์บิซง ซึ่งรวกันไปอยู่ที่หมู่บ้านบาร์บิซง ใกล้ป่าฟงแตนโบล อยู่ไม่ห่างจากปารีสเท่าใดนัก กลุ่มนี้จะยึดถือเอาธรรมชาติ อันได้แก่ ขุนเขาลำเนาไพร เป็นสิ่งที่มีความงามอันบริสุทธิ์และมีคุณค่าสูงสุดพวกเขาจะออกไปวาดภาพ ณ สถานที่ที่ต้องการ ไม่มัวนั่งจินตนาการอยู่ในห้องดังแต่ก่อน นอกจากนี้ยังได้รับแรงดลใจจากจิตรกรอังกฤษสองคน คือ จอห์น คอนสเตเบิล และวิลเลียม เทอร์เนอร์ ซึ่งมีแนวการสร้างงานคล้ายกลับกลุ่มบาร์บิซง





ไฟล์:Manet.dejeuner-sur-herbe.jpg


แหล่งอ้างอิง : http://th.wikipedia.org

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย



วัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย วัฒนธรรมที่รับมาเพื่อสร้างความทันสมัย
ในการติดต่อกับชาวตะวันตกโดยทั่วไป เจ้านาย และขุนนาง ได้ปรับตัวให้ทันสมัย เพื่อมิให้เป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของชาวตะวันตก มีการรับแบบแผนประเพณี และค่านิยมแบบตะวันตก มาปรับปรุงการดำเนินชีวิต และมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรม ในสังคมไทยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราษฎรทั่วไปได้ยึดถือเป็นแบบอย่าง และหล่อหลอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยในปัจจุบัน อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกที่เห็นเด่นชัด ได้แก่ แนวความคิดแบบตะวันตก การแต่งกาย การตกแต่งบ้านเรือน เครื่องเรือน การรับประทานอาหาร การกีฬา และนันทนาการ

แนวคิดแบบตะวันตก 
เมื่อมีการพัฒนาด้านการศึกษา และการพิมพ์ วรรณกรรมตะวันตก ทั้งที่เป็นแนววิชาการ และบันเทิง จึงได้แพร่หลายเข้ามาสู่สังคมไทย และมีอิทธิพลต่อการสร้างแนวคิด และสำนึกของไทย เช่น แนวคิดเกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย การเข้าใจถึงคุณค่าของมนุษย์ และความทัดเทียมกัน แนวคิดต่างๆ เหล่านี้ ได้สะท้อนออกมาในรูปของวรรณกรรม ที่ตีพิมพ์ในภาษาไทย เช่น งานเขียนของเทียนวรรณ ดอกไม้สด ศรีบูรพา และมาลัย ชูพินิจ

การแต่งกาย 
ราชสำนักไทย และขุนนาง เป็นกลุ่มแรก ที่รับเอาวัฒนธรรมการแต่งกายแบบตะวันตก ทั้งของหญิงและชายมาประยุกต์ใช้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรป ถึง ๒ ครั้ง ก็ทรงฉลองพระองค์แบบตะวันตก ต่อมาการแต่งกายแบบตะวันตกของเจ้านาย ก็กลายเป็น "พระราชนิยม" ที่คนทั่วไปยึดเป็นแบบอย่าง


การตกแต่งบ้านเรือน 
นับตั้งแต่ชาวตะวันตกได้นำสถาปัตยกรรม การก่อสร้างอาคาร และการตกแต่งภายในแบบตะวันตก มาสู่สังคมไทย ราชสำนัก และชนชั้นสูง ก็เริ่มปรับวิถีชีวิตตามแบบวัฒนธรรมดังกล่าว จากเดิมที่เคยปลูกสร้างอาคารแบบเรือนไทย และค่อยๆ รับรูปแบบสถาปัตยกรรม และการตกแต่งแบบจีน ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นแบบตะวันตก มีการสร้างที่อยู่อาศัย และตกแต่งบ้านเรือนด้วยเครื่องเรือนแบบตะวันตก เช่น โต๊ะ ตู้ ภาพประดับ ของใช้ต่างๆ เช่น ช้อน ส้อม มีด ถ้วย ชาม ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารด้วยมือ มาเป็นการใช้มีด ช้อน และส้อม แทน วัฒนธรรมเหล่านี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ในปัจจุบัน 

การกีฬาและนันทนาการ
การกีฬา และนันทนาการแบบตะวันตก เริ่มเข้ามาแพร่หลาย ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อมีชาวตะวันตก เข้ามาติดต่อค้าขาย และพำนักอยู่ในเมืองไทย การกีฬาแบบตะวันตก ที่แพร่หลายในระยะแรกๆ คือ การขี่ม้า ยิงปืน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กีฬาที่แพร่หลาย ได้แก่ ฟุตบอล รักบี้ เทนนิส แบดมินตัน แข่งม้า จักรยาน กรีฑา ยิมนาสติก ฟันดาบ ในราชสำนัก มีการเล่นกีฬาโครเกต์ (Croquet)



ต่อมาการกีฬาแบบตะวันตก ได้แพร่หลายอยู่ในหลักสูตรพลศึกษาในโรงเรียน มีการแข่งขันกีฬานักเรียนประเภทต่างๆ ที่แพร่หลายได้แก่ กรีฑา ฟุตบอล มวยสากล และยิมนาสติก นอกจากนี้แล้วยังทรงส่งเสริมให้ชาวไทย และชาวต่างประเทศ จัดตั้งสถาบัน ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนันทนาการ เช่น สโมสร บันเทิง สถานเมืองตรัง ราชกรีฑาสโมสร และสโมสร ราชเสวก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้น สำหรับข้าราชบริพารในพระองค์ 


จะเห็นได้ว่า การรับวัฒนธรรมตะวันตก ทั้งเพื่อพัฒนาบ้านเมือง และเพื่อความทันสมัย ล้วนมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิต และวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวไทย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ มีทั้งผลดีและผลเสียต่อสังคมไทย

แหล่งอ้างอิง : http://guru.google.co.th




เทพเจ้าบนเขาโอลิมปัส เทพเจ้าในความเชื่อของกรีกและโรมัน
1. ซุส (Zeus) เป็นราชาของบรรดาเทพเจ้าทั้งหลายและเหล่ามนุษย์บนโลก ซีอูสมีอาวุธเป็น Thunderbolt (สายฟ้าเทพซีอูสมีพี่น้องซึ่งเป็นเทพปกครองโลกร่วมกัน 5 องค์ ได้แก่ เทพโพไซดอน เทพีดีมิเทอร์ เทพีเฮร่า เทพฮาเดส และเทพีเฮส
2.โพไซดอน (Poseidon) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล สัญลักษณ์ของพระองค์คือ “สามง่าม” หรือ “ตรีศูล” ที่สามารถแหวกน้ำทะเลและทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้
3.ดิมิเทอร์ (Demeter) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เกษตรกรรม การเก็บเกี่ยว
4.เฮรา (Hera) ราชินีแห่งสวรรค์ เป็นทั้งน้องสาวของซีอูสและเป็นภรรยาด้วย เฮร่าเป็นเทพีแห่งการให้กำเนิดทารก การสมรส และสตรี สัตว์ประจำพระองค์คือนกยูง
5.เฮสเทีย (Hestia) เทพีพรมจรรย์แห่งการครองเรือน เทพแห่งครอบครัว ในฐานะของเทพีผู้รักษาบ้าน พระนางเป็นผู้ที่สร้างบ้านขึ้นเป็นคนแรก วิหารของพระนางอยู่ที่กรุงโรม ซึ่งจะได้รับการบวงสรวงจากสาวพรหมจารี พระนางมีสัญลักษณ์เป็นไฟนิรันดร
6.เอรีส (Ares) เทพแห่งสงคราม บุตรของ ซูส กับ เฮร่า สัตว์ประจำพระองค์คือเหยี่ยวและสุนัขมังกรไฟ (บางตำราว่าเป็นนกแร้ง
7. อพอลโล (Apollo) เทพเจ้าแห่งการทำนาย กีฬา การรักษาโรคภัย การดนตรี และ เป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ เป็นบุตรแห่ง ซีอุส และ เทพีลีโต้ (Leto) มีน้องสาวฝาแฝดชื่อ อาร์ทามิส (Artemis) อะพอลโล่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คือ ต้นลอเรล Laurelสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คือนกกาเหว่าและห่าน เครื่องดนตรีประจำพระองค์คือพิณ วิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อยู่ที่เดลฟี่ Delphi ซึ่งที่นั่นจะมีนักบวชคอยบอกคำทำนายของพระองค์ให้แก่ประชาชนที่มาสักการะบูชา
8. อาร์เทมีส (Artemis) เทพีแห่งดวงจันทร์และ การล่าสัตว์ เป็นบุตรีของซูสและ เทพีลีโต้ เป็นน้องสาวแฝดของอะพอลโล่ พระองค์เป็นเทพีพรหมจรรย์องค์หนึ่งใน 3 องค์ ภาพที่ผู้คนเห็นอยู่เสมอๆ คือพระองค์จะถือธนูและศร มีสุนัขติดตาม สวมกระโปรงสั้น บางครั้งอาจเห็นเธออยู่บนรถศึกเทียมด้วยกวางขาว
9.เฮอร์มีส (Hermes) เทพแห่งการค้า การโจรกรรม และผู้ส่งสารของเหล่าทวยเทพ เป็นบุตรของ ซูส กับ มีอา พระองค์มักจะปรากฏกายในลักษณะสวมหมวกขอบกว้าง สวมรองเท้ามีปีก ถือคทาที่มีงูพัน
10. อะธีนา (Athena) เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด และศิลปศาสตร์ทุกแขนงของกรีกรวมถึงศิลปะการต่อสู้ด้วย ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์คือต้นมะกอก เทพีอธีน่า เป็นผู้ที่มอบมะกอกให้กับมนุษย์เป็นองค์แรก ทำให้เมือง Athens ได้ใช้ชื่อของพระองค์เป็นชื่อเมืองเพื่อเป็นเกียรติ
11.อโฟรไดท์ (Aphrodite) เทพีแห่งความรักและความงาม เป็นบุตรีของ ซูส กับ เทพีไดโอนี่ (บางตำราว่าเกิดจากฟองคลื่น) สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเธอได้แก่นกกระจอก นกนางแอ่น ห่าน และเต่า ส่วนดอกไม้และผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระนางได้แก่กุหลาบ Myrtle และแอปเปิล กล่าวกันว่าพระนางเป็นเทพีผู้คุ้มครองเหล่าโสเภณีด้วย
12. เอฟเฟตัส (Hephaestus ) เทพแห่งไฟ โลหะ และการช่าง เป็นบุตรของ ซุส กับ เฮร่า

แหล่งอ้างอิง : http://www.google.co.th